วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2557

ล้วงลึก Lamborghini Huracan LP610-4



นิช คาร์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Lamborghini อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้จัดงานเปิดตัวรถยนต์ Lamborghini รุ่นใหม่ล่าสุด “Lamborghini Huracan LP 610-4” เพื่อให้สื่อมวลชน แขกผู้มีเกียรติ และผู้เข้าชมงาน ได้ยลโฉมเป็นครั้งแรก ในงาน Bangkok International Motor Sale 2014 ณ ไบเทค บางนา

อ่านเพิ่มเติม »

เสรี ชินบารมี ประธานบริษัท และแชมป์ วิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ จำกัด เป็นผู้เปิดผ้าคลุมรถ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแขกผู้มีเกียรติที่ใจจดใจจ่อรอชมโฉมกระทิงดุตัวใหม่ ซึ่งในตอนนี้เจ้ากระทิงดุ “Lamborghini Huracan LP610-4” ได้ขึ้นแท่นเป็นรถรุ่นที่ขายดีที่สุดแซงรุ่นที่เคยได้รับความนิยมมาตลอดกาลอย่าง”Gallardo” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่โดดเด่นเร้าใจตั้งแต่กันชนหน้าจรดท้าย ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ได้แก่โครงสร้างแชสซีไฮบริดรูปแบบใหม่ที่ผสานวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมเข้าด้วยกัน Lifting System and magneto-rheological suspension ระบบ Lamborghini Dynamic Steering (LDS) เป็น Lamborghini รุ่นแรกที่ใช้เกียร์ระบบ Double Clutch 7 สปีด


เครื่องยนต์ V10 ตัวใหม่ของ Huracán สามารถสร้างพละกำลังได้มหาศาลจากความจุ 5.2 ลิตร มันผลิตกำลังได้ 448 กิโลวัตต์ / 610 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาทีและทำแรงบิดได้สูงสุดถึง 560 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 325 กม./ชม.ทั้งยังมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ในเวลาเพียง 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 9.9 วินาที ต้องขอบคุณเทคโนโลยีระบบ Stop & Start ที่ทำให้การบริโภคเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยตามมาตรฐาน ECE ของมันได้ลดลงมาเป็น 12.5 ลิตรต่อ 100 ก.ม. หรือ 8 ก.ม./1 ลิตร และคายคาร์บอนเพียง 290 กรัมต่อกม. โดยการจัดงานในครั้งนี้ ทางนิช คาร์ ได้รับเกียรติจากบริษัทแม่ Automobili Lamborghini Holding S.p.A and associated companies ที่ได้นำรถ “Lamborghini Huracan LP610-4” สีแดง Rosso Mars มาให้แฟนชาวไทยได้ชม ซึ่งได้รับความสนใจจากแฟนพันธุ์แท้ของ Lamborghini ในประเทศไทยอย่างเกินความคาดหมาย

สำหรับราคาของ Lamborghini Huracan LP610-4 เริ่มต้นที่ 25 ล้านบาท


Automobili Lamborghini กำลังเดินก้าวสำคัญสู่อนาคต: ด้วยรถ Huracán LP 610-4 ที่ถูกพัฒนาออกมาใหม่เพื่อมาแทนรุ่นGallardo ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ผู้ผลิตรถซุปเปอร์สปอร์ตจากอิตาลีต้องการที่จะสร้างนิยามคำจำกัดความให้กับบรรทัดฐานใหม่ ด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยว คุณภาพอันสูงลิ่วและการขับเคลื่อนบนแนวทางของซุปเปอร์คาร์น้ำหนักเบา รถรุ่น Huracán จะให้คุณสัมผัสถึงประสบการณ์ใหม่ของรถสปอร์ต ผสมผสานสมรรถนะกับบุคลิกที่สามารถใช้งานได้ทุกวัน บวกกับเทคโนโลยีล้ำยุคที่ทำงานร่วมกันอย่างไร้ที่ติ Stephan Winkelmann ประธานและ CEO ของ Automobili Lamborghini กล่าวว่า "ด้วยรุ่น Huracán แบรนด์ Lamborghini กำลังจะเขียนบทต่อไปในประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของมัน"


จำนวน 14,022 คัน ที่ผลิตออกมา รถรุ่น Gallardo จึงเป็นรถ Lamborghini ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตั้งแต่มีการผลิตมาและการผลิตในสิบปีมานี้มันได้ทำให้ Lamborghini เข้าสู่มิติใหม่ เพื่อให้เข้ากับจารีตของ Lamborghini รถรุ่นต่อจาก Gallardo จึงใช้ชื่อที่ถูกนำมาจากโลกแห่งการสู้วัวกระทิง ซึ่ง Huracán นั้นคือชื่อกระทิงสายพันธุ์จาก Spanish Conte de la Patilla ที่ได้มีการต่อสู้ในเดือนสิงหาคมปี 1879 ที่ Alicante บุคลิกที่ไม่ยอมแพ้ของมันทำให้ชื่อของสายพันธุ์วัวกระทิงถูกนำมาใช้เป็นชื่อโมเดล Lamborghini ได้ใช้ความพิถีพิถันในการออกแบบรถ Huracán LP 610-4 ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น เป็นการออกแบบที่มีเหลี่ยมสันดุดันและมีเส้นสายที่งดงามไปด้วยความต่อเนื่อง จุดเริ่มต้นของการออกแบบ Huracán นั้นมาจากภาพตัดของเงารถโดยที่มีเป้าหมายว่ามันจะต้องเป็นรถที่มีเส้นเพียงเส้นเดียวลากยาวจากปลายสุดของหน้ารถ ข้ามส่วนห้องโดยสารและจรดลงไปยังท้ายรถ หน้าต่างข้างรถมีรูปแบบหกเหลี่ยมให้ดูเหมือนอัญมณีที่ฝังอยู่ด้านข้างของ Huracán และในยามพลบค่ำมันจะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีแสงจากหลอด LED ในทุกจุด และรวมไปถึงโคมไฟหน้าด้วย ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในเซกเมนต์ของรถซุปเปอร์สปอร์ตคาร์


ห้องโดยสารวางหน้าจอแสดงผล 12.3 นิ้ว TFT สามารถปรับตั้งโหมดต่างๆ เพื่อที่จะแสดงผลและข้อมูลหลักได้ตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ เส้นสายที่เบาบางของการเชื่อมต่ออุปกรณ์และอุโมงค์กลางรถนั้นให้ความรู้สึกถึงความเบาของการออกแบบภายใน วัสดุชั้นดีที่ถูกคัดสรรอย่างประณีตทำให้ภายในดูมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว


โครงสร้างแชสซีไฮบริดรูปแบบใหม่ของ Huracán LP 610-4 นั้นถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ผสมงานศิลปะด้วยการผสานวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์และอะลูมิเนียมเข้าด้วยกัน แชสซีเบาพิเศษนี้เป็นพื้นฐานที่ทำให้น้ำหนักตัวรถเปล่าก่อนเติมของเหลวมีน้ำหนักเบามากเพียง 1,422 กก. และด้วยความแข็งแกร่งมันการันตีได้ว่าจะสามารถขับขี่ได้แม่นยำดั่งรถแข่ง


เครื่องยนต์ V10 ตัวใหม่ของ Huracán สามารถสร้างพละกำลังได้มหาศาลจากความจุ 5.2 ลิตร กำลัง 448 กิโลวัตต์ / 610 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที แรงบิดได้สูงสุด 560 นิวตันเมตรที่ 6,500 รอบ/นาที และ "Iniezione DirettaStratificata" ใหม่นั้นได้รวมหัวฉีดทั้งแบบ direct และ indirectinjection เข้าด้วยกันทำให้กำลังและแรงบิดเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Gallardo โดยที่ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นและปล่อยไอเสียน้อยลง


ด้วยอัตราส่วนของแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 2.33 กก./แรงม้า Lamborghini Huracán จึงมีสมรรถนะที่น่าเกรงขาม เพื่อให้มั่นใจในความว่องไวมันสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 325 กม./ชม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ใน 3.2 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ในเวลา 9.9 วินาที เทคโนโลยีระบบ Stop & Start ที่ทำให้การบริโภคเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยตามมาตรฐาน ECE ของมันได้ลดลงมาเป็น 12.5 ลิตรต่อ 100 กม. หรือ 8 กม./1 ลิตร และคายคาร์บอนเพียง 290 กรัมต่อ กม. พละกำลังจากเครื่องสิบสูบนั้นถูกส่งลงไปยังพื้นถนนผ่านระบบเกียร์คลัตช์คู่เจ็ดสปีดใหม่ในชื่อ "Lamborghini DoppiaFrizione" (LDF) สู่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่ใช้แผ่นคลัตช์ไฮดรอลิกส์หลายชั้น โหมดการขับขี่สามแบบที่ออกแบบมาสำหรับถนนไปจนถึงสนามแข่งนั้นสามารถปรับเปลี่ยนได้ผ่านสวิตช์ drive select บนพวงมาลัยภายใต้ชื่อเรียกว่า ANIMA (ภาษาอิตาลีแปลว่าจิตวิญญาณ) "Adaptive Network Intelligent Management" ซึ่งจะปรับค่าของเครื่องยนต์ ระบบเกียร์ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบ ESC เพื่อความเสถียรในการทรงตัวไปพร้อมๆ กับระบบที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนอื่นๆ


ล้อของ Lamborghini Huracán มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 20 นิ้ว และมาพร้อมกับระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกที่ให้พลังการหยุดอันมหาศาล และยังมีออพชั่น Lamborghini Dynamic Steering ที่เป็นการบังคับเลี้ยวแบบแปรผันทั้งยังระบบ Magne Ride สำหรับปรับระบบช่วงล่างด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าให้รถซุปเปอร์สปอร์ตหรู Lamborghini คันนี้ด้วย และระบบทั้งสองจะสัมพันธ์กับการปรับตั้งของระบบ ANIMA ด้วย

Lamborghini Huracán LP 610-4 เปิดตัวครั้งแรกในงาน Geneva Motor Show 2014 และจะเริ่มมอบรถให้ลูกค้าในต้นฤดูใบไม้ผลิปี 2014 โดยผลิตที่สำนักงานใหญ่ของ Automobili Lamborghini ในเมือง Sant'Agata Bolognese


การออกแบบภายนอก
ความสง่างามของ Lamborghini นั้นมาจากพละกำลังที่เข้มข้นของมันโดยที่ทุกเส้นสายนั้นถูกออกแบบให้สื่อถึงความเร็ว การเคลื่อนไหว และสมรรถนะ การออกแบบนั้นเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญให้กับ Huracán LP 610-4 ภายนอกของมันถูกออกแบบให้ปิดมิดชิดและไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมยื่นออกมาบนตัวรถเพื่อความลู่ลมที่ดีที่สุด


มิติภายนอกของรถนั้นมีความยาวอยู่ที่ 4,459 ม.ม. กว้าง 1,924 มม. สูง 1,165 มม. และมีฐานล้อยาว 2,620 มม. รูปทรงที่ Lamborghini ใช้เป็นเอกลักษณ์นั้นเป็นทรงหกเหลี่ยมที่เราสามารถเห็นได้จากช่องดักลมหน้ารถและตาข่ายเข้ารูปแบบสามมิติภายในหน้าต่างข้างรถ ช่องดักลมข้างรถสำหรับเครื่องยนต์ และบนล้อลาย Giano


หน้ารถทรงลูกศรของ Lamborghini Huracán หันหัวลงพื้นเหมือนปลายจมูกฉลามพร้อมรอยพับสองเส้นเพื่อเพิ่มเหลี่ยมสันบนฝากระโปรง ไฟหน้าเหลี่ยมที่เรียบไปกับตัวรถถูกประกอบขึ้นด้วยหลอด LED เท่านั้นซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของรถซุปเปอร์สปอร์ต แนวไฟที่เป็นเส้นจะส่องสว่างในเวลากลางวันเป็นรูปตัว Y สองตัวในโคมไฟหน้าทั้งสองข้างเพื่อแสดงให้ Huracán ดูดุดั่งสัตว์ที่พร้อมจะล่าเหยื่อ ด้วยแสงของหลอด LED ที่มีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 5,500 เคลวิน มันจะให้สีสันที่เหมือนกับแสงอาทิตย์ทำให้มีความชัดเจนเมื่อวิ่งอยู่บนท้องถนนพร้อมกับไม่ทำให้แสบตาด้วย หลอด LED ในรถคันนี้ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งานของรถทั้งยังใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่องดักลมขนาดใหญ่นั้นอยู่ลึกเข้าไปในกันชนหน้ารถและมีความกว้างเท่าตัวรถคือจุดเด่นของ Huracan ครีบกลางใช้สีเดียวกับตัวถังรถตัดเป็นเส้นแนวนอนผ่ากลางเช่นเดียวกับรถแข่ง แนวขอบด้านล่างของช่องดักลมนั้นยื่นออกไปด้านหน้าเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวผ่าอากาศ


การออกแบบที่ล้ำยุคจาก Lamborghini นั้นสามารถเห็นได้เด่นชัดจากด้านข้างรถ HuracánLP 610-4 ซึ่งมันเป็นดั่งรูปปั้นที่กำลังเคลื่อนที่อยู่อย่างว่องไว ประกับอะลูมิเนียมยืดออกไปด้านบนล้อขนาด 20 นิ้ว เส้นเพียงเส้นเดียวที่ลากจากปลายจมูกไปจรดยังบั้นท้าย หลังคาโค้งอ่อนๆ ผ่านหัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเส้นสายนี้ยังเดินต่อไปยังที่เก็บสัมภาระจนถึงเสา C ที่ราบเอน เริ่มต้นจากไฟหน้า ที่ใช้เส้นลากจากแก้มหน้าไปยังขอบประตูที่ทำให้ Huracan ดูมีเหลี่ยมมุมและกว้างแบนขึ้น ผนวกกับโค้งที่เตี้ยของหลังคาทำให้ขอบของสันประตูมีรูปทรงยื่นออกมาเป็นสามมิติ ล้อมรอบหน้าต่างข้างรถดั่งอัญมณีที่ถูกห่อหุ้ม จุดที่เส้นมาบรรจบเป็นมุมแหลมนั้นคือช่องดักลมที่จะส่งอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ อากาศเย็นจากด้านล่างนั้นจะส่งลมให้ขึ้นไปด้วยช่องทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่หน้าซุ้มล้อหลัง การหายไปของช่องดักลมแนวตั้งที่เคยเป็นจุดเด่นของ Gallardo ทำให้ด้านข้างของ Huracán ดูไหลลื่นและแข็งแกร่งขึ้น


ในเวอร์ชั่นมาตรฐาน แผงกั้นเครื่องยนต์ที่อยู่ระหว่างเสา C ที่ลาดเอนนั้นจะเป็นแผ่นโพลีเมอร์สีดำด้านขนาดใหญ่สามแผ่นเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อรถรุ่น Miura ที่มีความคลาสสิกอย่างสูง ทาง Lamborghini ก็ยังมีออพชั่นให้เลือกใช้แผงกั้นแบบโปร่งแสงเพื่อที่จะให้มองเห็นเครื่องยนต์ V10 อันทรงพลังพร้อมกับมีแผงคาร์บอนไฟเบอร์ประกับอยู่ภายในห้องเครื่องเพื่อความสวยงามที่เพิ่มขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี Forged Composite ซึ่งเป็นสิทธิบัตรของ Lamborghini ในการผลิต ท้ายรถของ Huracán ก็มีทรงเป็นสามมิติอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับช่องดักลมหน้ารถและข้างรถ ช่องที่กว้างใหญ่กั้นด้วยตาข่ายเพื่อระบายอากาศนั้นก็อยู่ที่ท้ายรถด้วย เหนือช่องลมจะมีไฟท้ายดีไซน์บางเฉียบและใช้เพียงหลอด LED เหมือนกับไฟหน้า การจัดเรียงนั้นก็ทำเพื่อให้แสงส่องสว่างเป็นเส้นรูปตัว Y ส่วนปลายท่อไอเสียทั้งสี่ถูกห่อหุ้มด้วยดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ให้เห็นรูปทรงรีสีเงินอยู่ภายในช่องอย่างลงตัว


ทุกๆ รายละเอียดของการออกแบบในรถ Lamborghini Huracán LP 610-4 นั้นมีจุดประสงค์ของมัน เหล่านักออกแบบจาก Centro Stile ได้ทำงานอยู่กับผู้เชี่ยวชาญหลักอากาศพลศาสตร์อย่างใกล้ชิด ช่องดักลมขนาดใหญ่ที่หน้ารถนั้นมีหน้าที่ดักอากาศเย็นและบังคับลมหน้ารถให้เพิ่มแรงกดไปยังแกนล้อหน้า ขอบสปอยเลอร์ที่ท้ายรถรวมไปถึงดิฟฟิวเซอร์ใต้รถก็จะทำหน้าที่ร่วมกันเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดีขึ้นเมื่อผ่านไปยังหลังรถจึงทำให้รถ Huracán นั้นไม่มีความจำเป็นที่จะใช้สปอยเลอร์หลังแบบปรับได้ ส่วนใต้รถนั้นมีการครอบฝาปิดเพื่อให้อากาศที่ไหลผ่านนั้นถูกส่งไปยังหม้อน้ำโดยตรงผ่านครีบ NACA ทรงกรวย


Lamborghini มี Huracánมีสีตัวรถให้เลือกถึง 17 สีและเป็นสีใหม่ถึง 7 สี สีธรรมดา ได้แก่ สีขาว BiancoMonocerus และ สีดำ Nero Noctis ส่วนสีเมทัลลิค ได้แก่ สีขาว Bianco Icarus, สีน้ำเงิน Blue Achelous, สีเทา Grigio Lynx, สีเทา Grigio Nimbus, สีดำ Nero Serapisและ สีแดง Rosso Mars สำหรับสีพิเศษคือสีเหลือบมุก ได้แก่ สีส้ม Arancio Borealis, สีเหลือง Giallo Midas, และ สีเขียว Verde Mantis และสำหรับการเลือกการตกแต่งรถผ่านโปรแกรม Ad Personam จะมีสีเคลือบด้าน (Matt) ทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวด้าน Bianco Canopus, สีเหลืองด้าน Giallo Horus, สีเทาด้าน Grigio Titans, สีน้ำตาลด้าน Marrone Apus และ สีดำด้าน Nero Nemesis และสีเมทัลลิคพิเศษอีก 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Blue Caelum, สีเทา GrigioAdmetus และ สีน้ำตาล Marrone Alcestis


Resin Transfer molding
Lamborghini ได้ก้าวขึ้นมาอีกระดับกับ Huracán LP 610-4 ตัวถังรถของ Gallado นั้นใช้โครงสร้างเป็นเสปซเฟรมอะลูมิเนียมซึ่งเป็นโครงสร้างที่แข็งมากจากการเชื่อมต่อจุดต่างๆ รวมไปถึงการหักมุมและเชื่อมต่อกับแผงอื่นๆ ที่เป็นอะลูมิเนียมเช่นกันตัวถังเป็นแชสซีไฮบริดที่ทันสมัยกว่า ประกอบด้วยชิ้นส่วนอะลูมิเนียมและส่วนประกอบหลักจากโพลีเมอร์เสริมคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ซึ่งเป็นวัสดุน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงอย่างมหัศจรรย์ ที่ Lamborghini เป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตและประยุกต์มาหลายปีแล้ว แชสซีไฮบริดของ Lamborghini Huracán นั้นใช้อะลูมิเนียมในบางส่วน ด้านหน้าและด้านหลังรถที่ยึดอยู่กับแกนล้อนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากอัลลอยน้ำหนักเบา ส่วนที่เป็นคาร์บอนถูกผลิตโดยวิธี RTM (Resin Transfer molding) และถูกใช้เป็นจำนวนมากรอบๆ ห้องโดนสารไปจรถึงบางส่วนของพื้น ขอบประตู อุโมงค์กลาง กรอบห้องเครื่อง และเสา B ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ แขนค้ำในห้องเครื่องรูปตัว X นั้นก็ถูกผลิตด้วย CFRP และวัสดุสเตนเลสถูกนำมาใช้เชื่อมต่อชิ้นส่วนอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักของโครงรถแบบไฮบริดอันล้ำยุคของ Lamborghini Huracán LP 610-4 มีน้ำหนักน้อยกว่า 200 กก. ซึ่งยังเบากว่าโครงสร้างสเปซเฟรมที่เบามากอยู่แล้วของ Gallardo แชสซีไฮบริดนี้ยังให้ผลดีมากกว่าในเรื่องของความปลอดภัยและแข็งแกร่งด้วยซึ่งมันได้กลายเป็นพื้นฐานของการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมและแม่นยำไปโดยปริยาย ถ้ายกตัวอย่างเช่นกรอบห้องเครื่องด้านหลัง มันสามารถป้องกันแรงกระแทกจากด้านข้างได้เป็นอย่างดีเมื่อมีการปะทะเกิดขึ้นเนื่องมาจากลายของไฟเบอร์ที่ถูกวางให้ไปในทิศทางของแรงกระทำที่จะเกิดขึ้น


ห้องโดยสาร
ภายในที่เป็นศาสตร์แห่งศิลป์อันทันสมัยของ Lamborghini Huracán LP 610-4 มีคาแรกเตอร์อันน่าตื่นเต้นและดูสปอร์ต แต่เพิ่มความสบายและผ่อนคลายเมื่อต้องเดินทางไกล เอกลักษณ์จากการออกแบบภายนอกที่เน้นรูปทรงหกเหลี่ยมที่แหลมคมปรากฏให้เห็นทั่วทั้งห้องโดยสาร แผงหน้าปัดอยู่ในตำแหน่งเตี้ยและมีการใช้รูปทรงหกเหลี่ยมเป็นหลักบนหน้าตัดที่บางเฉียบ หน้าปัดสำหรับแสดงค่าและช่องลมเครื่องปรับอากาศนั้นตั้งขึ้นมาอีกทีเหมือนกับอุปกรณ์เสริมที่แยกกับรถ และคอนโซลกลางที่ทอดยาวจากแผนหน้าปัดไปยังอุโมงค์กลางรถ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะรู้สึกสะดวกสบายกับพื้นที่ๆ มากขึ้นและทัศนวิสัยที่ดีกว่า Lamborghini Gallardo ซึ่งเป็นผลดีที่มีมากกว่าทั้งในการเดินทางไปยังสนามแข่งหรือในการเดินทางไปทำงานในทุกๆวัน ตำแหน่งเบาะนั่งที่ต่ำและทรงของเบาะกับพนักพิงอันลือชื่อที่โอบล้อมและซัพพอร์ทที่เหมาะกับสรีระของผู้นั่ง ในรถรุ่นแสตนดาร์ดเบาะนั่งและพนักพิงจะสามารถปรับได้ด้วยไฟฟ้าสำหรับเดินหน้าและถอยหลัง การปรับด้วยไฟฟ้าสำหรับบังคับให้เบาะขึ้นลง ปรับองศาเบาะและความยาวของเบาะนั่งจะมีให้เลือกเป็นออพชั่นเสริม


คอนเซปต์ในการควบคุมรถ Huracán นั้นถูกเจาะจงไปยังผู้ขับเป็นหลัก คนขับจะสามารถใช้ปุ่มบนพวงมาลัยสามก้านทรงล่างตัดเพื่อที่จะควบคุมฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในรถได้รวมไปถึงไฟเลี้ยวและใบปัดน้ำฝน แป้นเปลี่ยนเกียร์ขนาดใหญ่สองข้างมีไว้สำหรับควบคุมระบบเกียร์คลัตช์คู่ ผู้ขับขี่สามารถที่จะให้มืออยู่บนพวงมาลัยตลอดเวลาและไม่ต้องละสายตาจากถนนเลยในการใช้งานทุกอย่างข้างต้น


ด้านหลังพวงมาลัยนั้นเป็นจอภาพ TFT ความละเอียดสูงที่ 1440 x 540 พิกเซล ขนาด 12.3 นิ้วภาพในจอTFT จะแสดงค่าสำคัญได้ทุกอย่างด้วยกราฟิกสามมิติคมชัดด้วยเอฟเฟกต์อันตระการตา ภายใต้หน้าจอนั้นมันทำงานด้วยหน่วยประมวลผลกราฟิกความเร็วสูงหรือชิพ Tegra 30 ในซีรีย์ Tegra 3 จาก Nvidia ยกตัวอย่างเช่นมาตรวัดรอบนั้นทำงานที่ความถี่ 60 เฟรม/วินาทีเพื่อการขยับของเข็มที่แนบเนียนต่อเนื่อง


ผู้ขับสามารถเลือกใช้การแสดงผลได้สามแบบ ในโหมด Full drive มาตรวัดรอบขนาดใหญ่จะถูกแสดงขึ้นมากลางหน้าจอเป็นหลักและขนาบข้างด้วยมาตรวัดปริมาณเชื้อเพลิงและอุณภูหมิน้ำ ความเร็วจะแสดงผลเป็นตัวเลข ในโหมด Mix มาตรวัดรอบจะย่อส่วนลงและไปอยู่ทางด้านซ้ายและจะมีหน้าต่างแสดงภาพจากระบบบันเทิงเช่นระบบนำทางที่จะแสดงผลทางด้านขวาของจอภาพ ในโหมด Full Navi and Infotainment แผนที่จะแสดงขึ้นมาเกือบเต็มจอ แต่ในทุกๆ โหมดการแสดง ส่วนล่างของหน้าจอจะมีการแสดงไฟแจ้งเตือนเมื่อมีเหตุการณ์หรือคำแนะนำใดๆ จากตัวรถ


Huracan ยังมีหน้าจอแสดงผลเพิ่มเติมบนคอนโซลกลางเพิ่มด้วย จอถูกติดตั้งไว้ให้ใช้งานง่ายจากหัวคอนโซล ด้านบนสุดจะมีจอ TFT บางๆเพื่อแสดงค่าเครื่องปรับอากาศที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นมาตรวัดแรงดันน้ำมันเครื่อง อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง และแรงดันไฟฟ้าได้ ถัดลงมาด้านล่างจะเป็นปุ่มกดสำหรับการควบคุมเพิ่มเติมทาบอยู่ด้านข้างปุ่มอีกกลุ่มทางด้านซ้าย


แผงควบคุมภายในคอนโซลกลางนั้นเป็นปุ่มสำหรับควบคุมระบบปรับอากาศอัตโนมัติและระบบความบันเทิง ที่แผงควบคุมจะมีปุ่มสำหรับเข้าสู่เมนูหลักทั้งระบบนำทาง โทรศัพท์ แสดงข้อมูล วิทยุ การปรับเสียง และมีเดียโดยการกดครั้งเดียวและมีปุ่มควบคุมแบบหมุนสำหรับใช้ปรับความดังเสียง เรียงลงมาตามแนวนอนบนอุโมงค์กลางรถจะมีปุ่ม start/stop อยู่ใต้แผ่นปิดสีแดง ปุ่มควบคุมเกียร์มีไว้สำหรับเข้าเกียร์ neutral, park และเกียร์ถอยทั้งยังมีปุ่มเบรคมือไฟฟ้าอีกด้วย มันมีช่องเปิดสำหรับเก็บสัมภาระสองช่อง ถาดวางโทรศัพท์มือถือหนึ่งช่อง และช่องข้างประตูอีกสองช่องสำหรับใส่ของจุกจิกในชีวิตประจำวัน


ความละเอียดและแม่นยำสำหรับรายละเอียดของภายในรถนั้นไม่เคยถูกละเลยจาก Lamborghini Huracán LP 610-4 คันนี้เลย มันอยู่ในสายเลือดของช่างฝีมือชาวอิตาเลียนและได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับรถยนต์ระดับซุปเปอร์สปอร์ต การเลือกใช้วัสดุที่หรูหราและมีสีสันทำให้สัมผัสของผู้ใช้สามารถดื่มดำไปกับสิ่งที่เห็นและรู้สึกถึงความเฉียบคมของเหล่านักออกแบบจาก Lamborghini ส่วนบนของแผงหน้าปัดนั้นหุ้มด้วย Alcantara สีเข้มเพื่อลดแสงสะท้อนที่อาจเกิดขึ้นบนกระจกบังลมหน้า แสงภายในห้องโดยสารส่องสว่างด้วย LED ทำให้รถคันนี้ไม่มีการใช้หลอดไฟแบบธรรมดาเลย


สีหลักภายในรถ Huracán นั่นก็คือสีดำ Nero Ade แผงหน้าปัด คอนโซลกลาง แผงกลางของเบาะนั่งและแผงประตูล้วนมีการห่อหุ้มด้วยหนังสัมผัสนุ่มผสานกับ Alcantara บนช่องลมและภายในของตำแหน่งกระจกมองข้าง และลูกค้ายังสามารถเลือกตกแต่งภายในทุกส่วนได้ตามแบบที่มีทั้งสี่ จะตกแต่งครึ่งล่างของแผงหน้าปัด คอนโซลกลาง มือจับประตู กระจกมองข้าง เบาะนั่งและพนักพิง ช่องลม ไปยังฝาครอบเสา A กับคานหลังคา สำหรับแบบทูโทน Elegante มากับสีตัดกันโดยมีสีให้เลือกถึงเก้าสีหรือจะหุ้มหนังแบบดั้งเดิมก็ได้ ส่วนบนของคอนโซลกลางนั้นสะท้อนด้วยสีดำเงาวาว ช่องลมใช้สีเทาเข้มแบบด้าน ส่วนภายในแบบ one-tone Sportivo นั้นจะมีการหุ้มชิ้นส่วนส่วนใหญ่ด้วย Alcantara สี Nero Ade ในขณะที่ แบบ two-tone Sportivo จะมีสี Alcantara ให้เลือกถึงหกสี หรืออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับ two-tone Sportivo คือการใช้หนัง nappa ภายในรถ และสำหรับออพชั่นเสริม คุณสามารถเลือกสีของเส้นด้ายตะเข็บที่รวมแล้วยาวถึง 30 เมตรได้ และในตอนจบโปรแกรมนี้จะมีออพชั่นสุดท้ายให้เลือกว่าจะรับโลโก้ Lamborghini กับตัวอักษรภายในรถหรือบนพรมกับตะเข็บตกแต่งด้วยหนังอีกหรือไม่


เครื่องยนต์
ตัวย่อ LP ในชื่อรุ่น Huracán LP 610-4 หมายความถึงการวางเครื่องยนต์ V10 ที่ถูกออกแบบใหม่ มันถูกวางเช่นเดียวกันกับรถ Lamborghini รุ่นอื่นๆ ตามแนวยาวของตัวรถอยู่ที่ด้านหลังคนขับ ("longitudinaleposteriore") โดยที่เลข 610 นั้นเป็นกำลังขับในหน่วยแรงม้าซึ่งคำนวณแล้วเท่ากับ 449 กิโลวัตต์ที่จะมีให้ใช้ที่ 8,250 รอบ/นาที ด้วยตัวเลขนี้มันจะให้กำลังไม่น้อยกว่า 86.3 กิโลวัตต์ / 117.3 แรงม้า ต่อความจุหนึ่งลิตรของเครื่องยนต์ กราฟแสดงแรงบิดนั้นแตะอยู่ที่ปลายบนสุดที่ 560 นิวตันเมตรที่ 6500 รอบ


เหมือนกับเครื่องยนต์ของ Lamborghini เครื่องอื่นๆ เครื่องขนาด 5.2 ลิตร V10 เครื่องนี้เป็นเครื่องยนต์สมรรถนะสูงไร้ระบบอัดอากาศ มันจะพาผู้ขับเข้าสู่ภวังค์ด้วยการตอบสนองของคันเร่งที่ไว โดยจะปั่นให้รอบหมุนได้กว่าขีด 8,000 รอบ ด้วยแรงดึงอันมหาศาลและเสียงที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้เมื่อรอบตวัดขึ้นไปเรื่อยๆ ดั่งเสียงจากเบสขนาดใหญ่ผสมกับเสียงแหลมดังกังวาน


เครื่องสิบสูบจะยิง Huracán LP 610-4 ออกจากจุดหยุดนิ่งที่ 100 กม./ชม.ภายใน 3.2 วินาที แรงม้าแต่ละตัวจะแบกรับน้ำหนัก 2.33 กก. และจะทำตัวเลขจาก 0-200 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 9.9 วินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดนั้นมีมากกว่า 325 กม./ชม. เครื่องยนต์สมรรถนะสูงตัวนี้ยังประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยได้ที่ 12.5 ลิตรต่อ 100 กม. และคายคาร์บอน 290 กรัม/กม. การพัฒนาที่มีมากขึ้นบวกกับระบบ Stop & Start ที่เป็นแสตนดาร์ดซึ่งเมื่อเทียบกับ Gallardo แล้วจะต่างกันถึง 11 เปอร์เซ็นต์


ความจุ 5,204 ซม. 3 นั้นเป็นผลที่ได้จากขนาดลูกสูบ 84.5 มม. และช่วงชัก 92.8 มม. เครื่องยนต์ V10 จะจุดระเบิดสลับกันที่ 54 และ 90 องศา ด้วยเพลาข้อเหวี่ยงโลหะฟอร์จแกนร่วม ในโครงสร้างนี้ก้านสูบจากลูกสูบฝั่งตรงกันข้ามจะวิ่งโดยใช้เพลาข้อเหวี่ยงร่วมกันเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนัก ก้านสูบโลหะฟอร์จและลูกสูบอะลูมิเนียมฟอร์จนั้นก็เป็นวัสดุที่แข็งแรงและน้ำหนักเบาเช่นกัน


ห้องข้อเหวี่ยงผลิตจากอะลูมิเนียมซิลิคอนอัลลอยโดยกระบวนการไดแคสต์ด้วยแรงดึงดูดแรงดันต่ำที่จะทำให้โครงสร้างของวัสดุออกมาอย่างมีเสถียรภาพ ส่วนผสมซิลิคอนที่เข้มข้นทำให้กระบอกสูบมีความต้านทานต่อการสึกหรอได้อย่างดี โครงสร้างแผ่นเหล็กสำหรับตั้งเครื่องช่วยเสริมความแข็งแกร่งของห้องข้อเหวี่ยงและทำให้มีการสั่นสะเทือนที่พอเหมาะ และแท่นรองเหล็กหล่อลดอัตราการขยายตัวและหดตัวทำให้ลดภาระของลูกปืนเพลาข้อเหวี่ยง อ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้งที่มีแท็งก์เก็บน้ำมันเครื่องที่แยกกันนั้นเป็นเรื่องปกติในวงการรถยนต์ การกระทำนี้ทำให้เครื่อง V10 อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลงและยังสามารถรับสารหล่อลื่นได้อย่างเพียงพอไม่ว่าจะอยู่ในภาวะที่มีการเร่งอย่างหนักหน่วงก็ตาม แรงดันของปั๊มสารหล่อลื่นนั้นจะแปรผันตามโหลดที่มีจากเครื่องเพราะฉะนั้นมันจะสัมพันธ์กันได้อย่างเหมาะสม เพลาลูกเบี้ยวสี่ก้านสามารถปรับองศาข้อเหวี่ยงได้ 42 องศาเพื่อปรับวาลว์ผ่านลูกกลิ้งที่สัมผัสกับลูกเบี้ยว มันจะทำงานผ่านโซ่ที่หมุนอยู่ท้ายเครื่องยนต์เช่นเดียวกันกับปั๊มน้ำมันและปั๊มน้ำ


กล่องลมที่รวมอากาศจากช่องดักลมทั้งสองฝั่งทำขึ้นมาจากโพลีเมอร์น้ำหนักเบา ช่องดูดไอดีมีแผ่นควบคุมด้วยลม เมื่อโหลดที่เครื่องและรอบต่ำมันจะปรับให้อากาศที่เข้ามาหมุนเป็นวงกลม การเวียนของอากาศแบบนี้ทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบไอเสียนั้นก็มีช่องระบายสองทางด้วยชิ้นส่วนที่ออกแบบให้มีแรงดันย้อนกลับต่ำ มันยังมีแผ่นปิดที่ปลายท่อทั้งสองข้างเพื่อให้แรงดูดภายในท่อเมื่อเครื่องทำงานที่รอบสูงและมีโหลดมากเปิดมันเพื่อเสียงที่หนักแน่นและลึกมากขึ้น


อีกหนึ่งนวัตกรรมล้ำยุคของเครื่องยนต์V10 เครื่องนี้คือหัวฉีดคู่ในชื่อ "IniezioneDirettaStratificata" ระบบคอมมอนเรลจะฉีดเชื้อเพลิงที่แรงดันสูงถึง 180 บาร์เข้าไปยังห้องเผาไหม้โดยตรงในการติดเครื่องและยามที่เครื่องมีรอบและโหลดสูงซึ่งทำให้เกิดแรงหมุนมหาศาลและช่วยลดอุณหภูมิบนผนังเสื้อสูบและสามารถสร้างแรงอัดสูงขึ้นได้ถึงอัตราส่วน 12.7:1 เมื่อเครื่องยนต์ทำงานภายใต้โหลดที่ต่ำเชื้อเพลิงจะถูกฉีดด้วยหัวฉีดตัวนอกผ่านห้องรองก่อนเข้าห้องเผาไหม้ซึ่งจะลดอัตราการบริโภคเชื้อเพลิงและไอเสีย ในการทำงานโหลดปานกลางและรอบเครื่องยนต์ช่วงกลาง ระบบหัวฉีดจะทำงานทั้งสองชุด-เครื่องยนต์ V10 รุ่นนี้ผ่านมาตรฐาน EU6 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


ระบบเกียร์
รถ Lamborghini Huracán LP 610-4นั้นมากับระบบเกียร์ชุดใหม่ทั้งหมด ในขณะที่ Gallardo ใช้เกียร์แบบ e.gear automated manual แต่ในรถ Huracan จะใช้ระบบเกียร์ Lamborghini Doppia Frizione (LDF) เจ็ดสปีดคลัตช์คู่ ซึ่งมันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงและอัตราทดก็ถูกปรับตั้งมาสำหรับสมรรถนะที่สปอร์ตสูงสุดโดยสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วมากจนแทบจะไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนเกียร์และแรงบิดก็ยังส่งอย่างต่อเนื่อง ระบบเกียร์ LDF ที่ติดตั้งอยู่หลังเครื่อง V10 ที่ท้ายรถของ Huracán นั้นมีขนาดที่กะทัดรัดมากโดยมีความยาวไม่เกิน 60 ซม. ระบบสำหรับควบคุมมันนั้นอยู่ในบล็อกที่แยกกันโดยจะมีระบบไฟ กลไก และไฮดรอลิกทำงานประสานกัน ปั๊มน้ำมันจะส่งน้ำมันไปเลี้ยงชุดเกียร์ คลัตช์ และดิฟเฟอร์เรนเชี่ยลที่อยู่ภายใน การระบายความร้อนใช้การส่งความร้อนจากน้ำมันสู่น้ำ และน้ำมันสู่อากาศเพื่อให้เย็น


ในเกียร์คลัตช์คู่ลูกใหม่ของ Lamborghini นั้นจะมีการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ด้วยเพลาขับคู่และเพลาส่งกำลังคู่ คลัตช์แบบมัลติเพลททั้งสองติดตั้งเรียงกันเพื่อควบคุมชุดเกียร์ที่แยกจากกันสองชุด คลัตช์ K1 จะส่งแรงบิดผ่านเพลาตันไปยังเกียร์ 1, 3, 5 และ 7 และรอบนอกของเพลาตันจะมีเพลากลวงที่รับแรงบิดมาจากคลัตช์ K2 เพื่อคุมเกียร์ 2, 4 และ 6 รวมไปถึงเกียร์ถอยด้วย เกียร์ทั้งสองชุดนั้นจะทำงานอยู่ตลอดเวลาแต่จะมีเพียงหนึ่งชุดเท่านั้นที่จะเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ขับกำลังเร่งเครื่องอยู่ที่เกียร์สาม ชุดเกียร์ชุดที่สองนั้นจะเข้าเกียร์สี่เอาไว้เพื่อเตรียมเปลี่ยนเกียร์ขึ้นแล้ว การเปลี่ยนเกียร์นั้นจะเกิดขึ้นผ่านการสลับคลัตช์ คลัตช์ K1 จะถอดและคลัตช์ K2 จะสวมในเวลาเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที ผู้ขับขี่จะสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้เองผ่านแป้นแพดเดิ้ลชิฟท์หลังพวงมาลัยหรือจะใช้ระบบออโต้ทั้งหมดเลยก็ได้ และเพียงแค่กดปุ่มโหมด Launch Control ระบบเกียร์ก็จะทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดเมื่อต้องการการเร่งกำลังสูงสุดโดยที่มันจะหาจุดที่สามารถส่งกำลังลงไปบนพื้นถนนให้ได้มากที่สุดและไม่ให้ล้อหมุนฟรีมากเกินไป


สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดแข็งมาตลอดของ Lamborghini ก็คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เป็นเวลามากกว่า 20 ปีที่มันเป็นที่สุดของการขับเคลื่อน การยึดเกาะ และเสถียรภาพ ย้อนกลับไปในปี 1993รถรุ่น Diablo VT นั้นเป็นรถซุปเปอร์สปอร์ตอิตาเลียนคันแรกที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ในรถรุ่น Huracán LP 610-4 ก็เช่นกันที่จะมีความยึดเกาะถนนอย่างมหาศาลและสามารถเร่งความเร็วออกจากโค้งได้รวดเร็วกว่าคู่แข่งระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนี้เป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้นเพื่อสมรรถนะสูงสุด


ที่เพลาขับชุดที่สอง ระบบเกียร์ LDF จะขับเคลื่อนเพลากลางที่หมุนผ่านห้องข้อเหวี่ยงในเครื่องยนต์ V10 ไปยังเพลาขับหน้า ในระบบนี้คลัตช์มัลติเพลทจะถูกควบคุมโดยระบบไฮดรอลิกที่ถูกควบคุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์มาอีกทีเพื่อที่จะรับภาระจากแรงบิดซึ่งเป็นความก้าวหน้าที่เพิ่มเติมจากการจับของคลัตช์แบบดั้งเดิมใน Lamborghini Gallardo ภายในนั้นจะมีชุดจานที่หมุนอยู่ในอ่างน้ำมันซึ่งจะมีแหวนโลหะเรียงกันเป็นคู่ๆ ตามแกนโดยที่แหวนวงหนึ่งนั้นยึดติดอยู่กับเพลาหมุนและอีกวงหนึ่งยึดอยู่กับเพลาขับสั้นที่ส่งกำลังไปยังระบบดิฟเฟอร์เรนเชี่ยลของเพลาขับหน้า ในการขับเคลื่อนปกติแผ่นคลัตช์มัลติเพลทจะส่งกำลังเพียงแค่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ไปยังล้อหน้าซึ่งหมายความว่ามันจะมีกำลังขับมากกว่าที่ล้อหลัง แต่อย่างไรก็ตามหากแรงยึดเกาะที่ล้อหลังลดลงแผ่นคลัตช์จะทำหน้าที่ภายในเวลาอันสั้นเพื่อที่จะส่งกำลังไปยังล้อหน้าได้มากถึง 50 เปอร์เซ็นต์โดยการดันชุดเพลตติดกันให้แน่นขึ้น และสามารถส่งแรงบิดลงไปยังล้อหลังได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์เมื่อจำเป็น ที่เพลาขับหลังจะมีระบบกลไกดิฟเฟอร์เรนเชี่ยลล็อกอยู่ในกล่องเกียร์ LDF เพื่อที่จะให้ยึดเกาะได้ดียิ่งขึ้น


เฟรมและแชสซี
ทุกๆ ระยะในการเดินทางบน Huracán LP 610-4 นั้นเป็นความมหัศจรรย์โดยเฉพาะในสนามแข่งหรือทางชนบทที่คดเคี้ยว รถซุปเปอร์สปอร์ตจาก Sant'Agata Bolognese นี้เป็นเครื่องจักรสำหรับการขับขี่ที่สามารถเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งแทบจะตอบสนองได้ทันทีทันใด เช่นเดียวกันกับรถแข่ง การวางเครื่องกลางลำทำให้การกระจายน้ำหนักไปยังแกนล้อหน้าและล้อหลังที่ประมาณ 42:58 ส่วน และแชสซีของ Huracán นั้นก็ได้ใช้ทฤษฎีทางยนตรกรรมนี้ด้วย ระบบซับแรงสั่นสะเทือนนั้นเป็นแบบ double wishbone ทั้งสี่จุด มันถูกสร้างขึ้นมาจากโลหะอลูมิเนียมฟอร์จ ระยะห่างของล้อหน้านั้นกว้าง 1,668 มม. และ 1,620 มม.ที่ล้อหลัง


Lamborghini Huracán LP 610-4 มีการพัฒนาระบบบังคับเลี้ยวพาวเวอร์แบบแร็คแอนด์พิเนี่ยนกลไกผสมไฟฟ้าให้ความรู้สึกของการตอบสนองในทันทีและส่งตรงแบบสปอร์ตด้วยอัตราทด 16.2:1 มันมีระบบพาวเวอร์ที่ใช้พลังงานน้อยและจะประหยัดขึ้นเมื่อความเร็วเพิ่ม ระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบแร็คแอนด์พิเนี่ยนกลไกผสมไฟฟ้าจะช่วยให้ผู้ขับขี่ไปยังทิศทางที่ถูกต้องในทุกสภาวะไม่ว่าจะเป็นขณะเบรกหรือเคาน์เตอร์เสตียร์บนผิวถนนที่ลื่นในด้านใดด้านหนึ่งของล้อ


ระบบ Lamborghini Dynamic Steering (LDS) นั้นมีให้เลือกเป็นออพชั่นและเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นความก้าวหน้าของนวัตกรรมในรถประเภทซุปเปอร์สปอร์ต แก่นของมันคือการใช้หน่วยขับเคลื่อนแบบซ้อนทับอยู่ภายในคอพวงมาลัยที่บังคับโดยมอเตอร์ไฟฟ้า เฟือง strain wave ในระบบนี้สามารถปรับอัตราส่วนของการบังคับเลี้ยวได้มากถึงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ (9:1 - 17:1) สำหรับการใช้งานในเมืองนั้นระบบการบังคับเลี้ยว LDS จะให้การบังคับเลี้ยวที่ส่งตรงมาจากพวงมาลัยทันที ในระหว่างที่ความเร็วสูงขึ้นระบบนี้ถูกปรับมาให้ให้การบังคับที่หนืดและมีเสถียรภาพมากขึ้น ผลที่ได้จากระบบนี้คือลดการอันเดอร์สเตียร์และลดการโอเวอร์สเตียร์เมื่อรถมีการโยนตัวโดยที่จะคอยช่วยเคาน์เตอร์สเตียร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป


อีกอย่างที่เป็นออพชั่นคือระบบควบคุมช่วงล่าง magneto-rheological ที่ในกระบอกสูบของระบบซับแรงสั่นสะเทือนนั้นมีน้ำมันสังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของผงแม่เหล็ก เมื่อมีแรงดันไฟฟ้าส่งมาที่คอลย์มันจะสร้างสนามแม่เหล็กและภายในนั้นเหล่าผงแม่เหล็กจะเรียงตัวตามสนามแม่เหล็กไฟฟ้าทำให้การไหลเวียนของน้ำมันผ่านช่องต่างๆ นั้นช้าลง ระบบควบคุมความเร็วสูงนี้จะส่งค่าที่ถูกคำนวณแล้วว่าดีที่สุดไปยังล้อแต่ละล้อ เช่นเมื่อต้องเข้าโค้งมันจะส่งข้อมูลสั่งให้ความหนืดกระบอกสูบฝั่งล้อวงนอกมากขึ้นทำให้การโยนตัวของรถน้อยลงและทำให้การขับขี่นิ่งและเสถียรขึ้น


Lamborghini Huracán วางระบบ dynamic drive mode ระบบนี้มีชื่อเรียกว่า ANIMA (แปลว่าจิตวิญญาณในภาษาอิตาลี) - "Adaptive Network Intelligent Management"ด้วยปุ่มที่อยู่ส่วนล่างของก้านพวงมาลัย ผู้ขับสามารถปรับโหมดการขับขี่ได้สามแบบคือ "Strada", "Sport" และ "Corsa" ที่ทำมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันไปจนถึงลงสนามแข่ง มันจะปรับค่าของลิ้นคันเร่ง แผ่นปรับเสียงในท่อไอเสีย ระบบเกียร์ LDF คลัตช์คู่เจ็ดสปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ระบบควบคุมการทรงตัว ESC และ LDS กับช่วงล่าง magneto-rheological


รถ Lamborghini Huracán LP 610-4 วิ่งด้วยล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วสีเงินในรุ่นมาตรฐาน ล้อลาย "Giano" นั้นมีแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบของ Lamborghini คลาสสิกที่มีช่องใหญ่ห้าช่อง ยางนั้นเป็น Pirelli P Zero ซีรีย์ ที่ถูกพัฒนาให้ Huracán โดยเฉพาะและมีขนาด 245/30 ที่ล้อหน้าและ 305/30 ที่ล้อหลัง ล้อที่เบากว่ากับดีไซน์ก้านคู่ขนาด 20 นิ้วถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี flow form ในชื่อ "Mimas" นั้นเป็นออพชั่นให้เลือกได้ ภายใต้ล้อใหญ่นี้มีระบบเบรกชั้นดีและใช้เทคโนโลยีคาร์บอนเซรามิกในรถสแตนดาร์ด จานเบรกทั้งสี่มีช่องระบายอากาศภายในและเจาะรูเพื่อทำให้การระบายความร้อนเร็วขึ้น จานหน้านั้นมีขนาด 380 มม. และจานหลังขนาด 356 มม.


จานเบรกไฮเอนด์นี้เรียกได้ว่าเป็นจานที่ไม่มีวันเฟดอายุการใช้งานที่ยืนยาว มีความทนทานสูงและมีสมรรถนะที่ดีเยี่ยม มันมีน้ำหนักเบากว่าจานโลหะอย่างชัดเจน คาลิปเปอร์เบรกที่นำมาใช้มีสูบจำนวนหกพอทที่เบรกหน้าและสี่พอทที่เบรกหลังนั้น โดยสีเงินทับด้วยตรา Lamborghini เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน คุณสามารถเลือกออพชั่นคาลิปเปอร์สีเหลือง ดำ แดง หรือส้มได้ ยิ่งไปกว่านั้น Huracán ยังมีเบรกมือเป็นระบบไฟฟ้าอีกด้วย


รถ Lamborghini Huracán LP 610-4 มีการใช้แพลตฟอร์มระบบไฟฟ้าแบบใหม่ซึ่งจุดที่มีการให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างมากจุดหนึ่งคือการฝังระบบควบคุมการทรงตัว ESCelectronic stability control เข้าไป ซึ่งมันจะรับและส่งข้อมูลไปยังส่วนต่างๆ ได้ด้วยความเร็วสูง ในโหมด "Sport" และ "Corsa" นั้นระบบ ESC จะช่วยให้การเคลื่อนไหวทำได้รุนแรงขึ้นหรือถ้าต้องการทำเวลาในสนามก็สามารถปิดระบบนี้ได้


ระบบ Lamborghini PiattaformaInerziale นั้นเป็นระบบที่แม่นยำและส่งงานตรงไปสู่การเคลื่อนไหวของรถ (อัตราเร่งไปยังแกน X, Y, Z การโยนตัว การทิ่ม และ การเชิด) มันมีเซ็นเซอร์หลายตัวฝังอยู่ในรถ: เซ็นเซอร์จับอัตราเร่ง 3 ตัว บวกกับเซ็นเซอร์วัดระดับอีก 3 ตัวถูกติดตั้งอยู่ที่จุดศูนย์ถ่วงของรถที่จะส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ผ่านช่องทาง FlexRay CAN-bus ไปยังระบบESC, 4WD, LMR, LDS ผลที่ได้คือรถที่ตอบสนองและเคลื่อนไหวได้ด้วยสมรรถนะสูงสุดในทุกสถานการณ์ ระบบนี้เป็นการประยุกต์ใช้มาจากยนตกรรมอากาศยานและเป็นการใช้ครั้งแรงในการผลิตรถยนต์จำนวนมาก


อุปกรณ์
รถซุปเปอร์สปอร์ตใหม่จาก Sant'Agata Bolognese นั้นได้เคลื่อนตัวออกมาจากโรงงานด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจำนวนมาก มันเป็นแหล่งรวมเทคโนโลยีระดับไฮเอนด์หลายอย่างรวมไปถึงระบบหัวฉีดคู่ IniezioneDirettaStratificataระบบ stop & start ระบบเกียร์คลัทช์คู่ 7 สปีด ระบบ Lamborghini DoppiaFrizioneและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อกับมัลติเพลทคลัตช์ไฮดรอลิกไฟฟ้า รถ Huracán นั้นยังมีจุดเด่นระดับสูงอยู่ที่จานเบรกคาร์บอนเซรามิกและระบบการขับขี่ ANIMA


ฟังก์ชั่นแสงสว่างทุกอย่างนั้นใช้หลอด LED ตั้งแต่ไฟหน้า LED ไปจนถึงไฟภายในรถ เบาะนั่งมีระบบเอนไฟฟ้า กระจกข้างรถพับได้ด้วยไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ climate control ก็มาพร้อมกับรถเป็นสแตนดาร์ดพร้อมกับกระจกกันแดดรอบคันรถ ทั้งยังมีถุงลมนิรภัยสองลูกด้านหน้าสำหรับรับแรงกระแทกบริเวณศีรษะและหน้าอกของผู้ขับและผู้โดยสารเมื่อเกิดอุบัติเหตุและเข็มขัดนิรภัยดึงกลับได้เป็นทั้งหมดของแพ็คเกจ อุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆ ที่มีมาใน Lamborghini Huracán LP 610-4 คือปุ่มมัลติฟังก์ชั่นอเนกประสงค์บนพวงมาลัย แป้นเกียร์สำหรับเกียร์ LDF และหน้าจอแสดงผล 12.3 นิ้วที่ใช้แสดงค่าสำคัญทุกอย่างเกี่ยวกับรถในโหมดการดูหลายโหมด ระบบบันเทิง Lamborghini Infotainment ที่มีมาเป็นสแตนดาร์ดนั้นเป็นวิทยุ เครื่องเล่น CD/DVD ที่ขับเสียงผ่านลำโพงหกตัว ภายในของรถซุปเปอร์สปอร์ตรุ่นนี้ใช้สีดำ Nero Ade และหนังเนื้อนิ่มกับ Alcantara เป็นสแตนดาร์ด ลูกค้ายังสามารถเลือกการตกแต่งภายในแบบอื่นได้เช่น "Elegante" two-tone หรือ "Sportivo" one-tone หรือ two-tone และแบบ "Sportivo" two-tone ผสมหนัง nappa หลังจากวันที่วางจำหน่าย ทาง Lamborghini ยังมีแผนการตกแต่งรถด้วยโปรแกรม ad Personam ที่จะให้เลือกสีเส้นด้ายสีพิเศษและรูปแบบการตกแต่งอีกหลายอย่างที่จะทำให้รถคันนั้นมีความเป็นคุณและแตกต่างจนแทบจะเป็นลายนิ้วมือของคุณเลยทีเดียว ลิสต์รายการอุปกรณ์ของ Huracán ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ อีกเช่น ระบบช่วยจอดด้วยภาพทั้งด้านหน้าและด้านหลังซึ่งสามารถอัพเกรดกล้องมองหลังได้ เบาะนั่งและที่วางแขนอุ่นด้วยไฟฟ้า และในระบบบันเทิงนั้น Lamborghini ก็มีระบบนำทางด้วยภาพ 3D ความละเอียดสูง การเชื่อมต่อด้วย Bluetooth และวิทยุดิจิตอล


สำหรับภายนอก คุณสามารถเลือกใช้ฝาครอบเครื่องแบบโปร่งแสงและประกับคาร์บอนหุ้มในห้องเครื่องได้ ล้อลาย Mimas ที่เป็นออพชั่นก็ให้อารมณ์ที่เปลี่ยนไป ระบบบังคับเลี้ยว LDS แบบอัตราทดแปรผันและช่วงล่าง MagneRide แม่เหล็กไฟฟ้าก็จะยิ่งช่วยให้การขับขี่รถ Huracan ตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น และสุดท้ายคือระบบเตือนแรงดันลมยางอ่อนที่จะเตือนเมื่อมีความผิดปกติเพื่อเพิ่มความปลอดภัย

รถรุ่นก่อน - Lamborghini Gallardo
รถรุ่นก่อนที่จะมี Huracán นั้นถือว่าเป็นรถระดับตำนานรุ่นหนึ่ง ด้วยจำนวนที่ถูกผลิตขึ้นมา 14,022 คันตั้งแต่ปี 2003 ถึงปี 2013 รถยนต์รุ่น Gallardo นั้นเป็นไอค่อนของรูปแบบยานยนต์และวิศวกรรมอิตาลี่ไปแล้ว มันสามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้าแบบไม่เคยมีมาก่อนและด้วยความช่วยเหลือของการติดตามผลงานของเหล่าคนที่พัฒนามันมาตลอดทำให้มันขายดีจนถึงวินาทีสุดท้าย

รถรุ่น Gallardo รุ่นแรกได้ออกมาในรูปแบบของรถคูเป้เมื่อสิบเอ็ดปีก่อนในงานGeneva Motor Show ด้วยเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร V10 ที่สร้างกำลังได้ 368 กิโลวัตต์ / 500 แรงม้า กับระบบเกียร์ธรรมดาหกสปีด หรือจะเลือกใช้ระบบ Egear ทำงานอัตโนมัติเป็นออพชั่นก็ได้ แรงบิดถูกส่งไปยังระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยระบบคลัทช์ และต่อมาในปี 2005 Gallardo Spyder ที่มีกำลัง 382 กิโลวัตต์ / 530 แรงม้าก็ออกสู่ตลาดเป็นรุ่นสุดท้ายของเครื่องยนต์ห้าลิตร

หลังจากได้รับการเฟสลิฟท์ในปี 2008 Lamborghini ก็ได้พัฒนาเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่พร้อมกับตั้งชื่อรุ่นด้วยระบบใหม่ รถรุ่น Gallardo Coupe ใช้ชื่อเป็น LP 560-4 เพื่อใช้บอกกำลังขับเคลื่อ (412 กิโลวัตต์/560 แรงม้า) ที่สามารถสร้างขึ้นมาได้จากเครื่องยนต์สิบสูบ ถูกทำให้ดีขึ้นด้วยระบบหัวฉีดตรงและเครื่องยนต์ที่ขยายเป็น 5.2 ลิตร รถรุ่น Spyder LP 560-4 นั้นตามมาในอีกหนึ่งปีต่อมา ในปี 2010 ก็มีรุ่น LP 570-4 Superlaggeraที่มีกำลังขับมากขึ้น (419 กิโลวัตต์) ออกมา และตามมาด้วย LP 570-4 SpyderPerformanteสำหรับเหล่าผู้ที่ชื่นชอบระบบขับเคลื่อนล้อหลัง Lamborghini ก็มี Gallardo LP 550-2 ออกมาให้ในปี 2011 ในรูปแบบรถคูเป้และเปิดประทุน และรุ่นสุดท้ายในปี 2012 รุ่น LP 560-4 ได้ออกมากับเฟสลิฟท์โฉมใหม่

ในเวลากว่าสิบปีของการผลิต Lamborghini ได้พยายามทำให้ Gallardo สดใหม่ตลอดเวลาด้วยรถรุ่นพิเศษหลายรุ่น ซึ่งรวมไปถึงรุ่น SE (2005), LP 550-2 Valentino Balboni (2009), LP 570-4 Super TrofeoStradale (2011), LP 570-4 EdizioneTecnica (2012), LP 570-4 Squdra Corse (2013) และ Gallardo 50th anniversary เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีLamborghini Automobiliในปี 2013 และพิเศษกว่านั้น ในปี 2004 และปี 2008 ทางตำรวจอิตาลี่ได้รับมอบรถ Gallardo รุ่นพิเศษไปสองคัน

รถซุปเปอร์สปอร์ตจาก Sant'Agata ได้แสดงศักยภาพของการขับขี่ในสนามด้วยผลลัพธ์อันยอดเยี่ยม ตั้งแต่ปี 2005 รถรุ่น Gallardo ได้ลงทะเบียนแข่งในคลาส GT และจากปี 2006 มันได้ลงแข่ง German VLN Endurance Championship และจากการแข่งทั้งสองมันก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จนมันได้ลงแข่งซีรีย์พิเศษที่มีเฉพาะรถยี่ห้อนี้ยี่ห้อเดียวในปี 2009 ในชื่อ Lamborghini Blanpain Super Trofeo ที่เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในวงการรถแข่ง.

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/445047

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น